ถังหูลู่ หรือ ผลไม้เคลือบน้ำตาล เมนูสุดฮิตของคนจีน ที่หลายคนต่างชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตามเทศกาลงานวัดต่างๆ และยังเชื่อกันว่าเป็นขนมมงคลอีกด้วยนะครับ หน้าตาน่าทาน รสชาติก็อร่อย กินเพลินสุดๆ แถมวิธีทำก็ไม่ยากอย่างที่คิด ทำกินเอง หรือจะทำขายก็กำไรดีมากๆ
ดูวิธีทำ ถังหูลู่ กดคลิกที่คลิปด้านล่างได้เลยครับ
สารบัญ
ถังหูลู่ วัตถุดิบ
– สตอเบอร์รี่ 16 ลูก
– น้ำตาลทราย 200 กรัม
– น้ำเปล่า 80 มิลลิลิตร
– ไม้เสียบ 4 อัน
นอกจากนี้สามารถใช้เป็นผลไม้ชนิดอื่นมาเคลือบน้ำตาลได้เช่นกัน แต่แนะนำเลือกผลไม้ที่โดนความร้อนแล้วไม่อ่อนตัวนะครับ ยกตัวอย่างเช่น องุ่น แอปเปิ้ล กีวี่ ส้ม เชอร์รี่ เป็นต้น
ถังหูลู่ วิธีทำ
1.) ขั้นตอนแรกเราก็จะนำสตอเบอร์รี่มาล้างน้ำให้สะอาดครับ
2.) จากนั้นนำมาแกะเอาใบออก และนำทิชชู่มาซับน้ำออกให้แห้งเลยนะครับ
3.) เมื่อสตอเบอร์รี่แห้งแล้ว ก็นำมาเสียบไม้ เราจะเสียบไม้ละ 4 ลูก เราก็จะได้ 4 ไม้ครับ
4.) จากนั้นเราก็ไปเริ่มต้มน้ำตาลกันต่อ ตั้งหม้อใส่น้ำตาลทราย 200 กรัมลงไป ตามด้วยน้ำเปล่า 80 มิลลิลิตรลงไป
6.) จากนั้นก็ลงไฟให้อ่อนลง ต้มต่อไปจนน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขั้นตอนนี้ไม่ต้องคนนะครับ ปล่อยให้น้ำตาลเดือดได้เลย
7.) จากนั้นนำสตอเบอร์รี่ที่เสียบไม้แล้วมาราดน้ำตาลที่ต้มแล้วให้ทั่ว ความหนานั้นสามารถราดได้ซ้ำๆ หลายๆรอบ ตามความชอบได้เลย
8.) จากนั้นก็นำไปจุ่มน้ำเย็น
9.) ก็เป็นอันเสร็จแล้วครับ ถังหูลู่ สตอเบอร์รี่กรอบๆ หวานอมเปรี้ยวอร่อยมากๆ เมนูนี้เป็นขนมที่คนจีนชอบกินมากๆ
คำนวณต้นทุน
สำหรับ “สตอเบอร์รี่” กล่องนี้เราได้มา 1 กล่องในราคา 80 บาท โดยเสียบ 4 ลูกต่อ 1 ไม้ เราจะทำได้ 8 ไม้ ดังนั้นต้นทุนสตอเบอร์รี่จะตกอยู่ที่ไม้ละ 10 บาท
ต้นทุนในส่วนของ “น้ำตาลทรายขาว” 1 กิโลกรัม ราคา 24 บาท ใช้ 200 กรัมจะสามารถราดได้ทั้งหมด 4 ไม้ ราคาก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 4.8 บาท ดังนั้นต้นทุนน้ำตาลทรายจะอยู่ที่ไม้ละ 1.2 บาท
ในส่วนของ “ไม้เสียบ” ขนาด 250 กรัม ราคาอยู่ที่ 20 บาท ซึ่งได้ไม้เยอะมากๆ จึงประมาณให้ต้นทุนไม้เสียบตกอยู่ที่ไม้ละ 0.1 บาท เมื่อรวม “ค่าใช้จ่ายอื่นๆ” ด้วยแล้ว เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟ ค่าน้ำ จะอยู่ที่ประมาณ 10% คิดต้นทุนเป็น 1.13 บาท
ดังนั้นเมื่อรวมต้นทุนทั้งหมดแล้วก็จะตกอยู่ที่ “12.43” บาท ถ้าเราคิดให้ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 50% ของราคาขาย เราก็จะตั้งราคาขายอยู่ที่ไม้ละ 25 บาท ดังนั้นเราก็จะได้กำไรต่อไม้ “12.57” บาทครับ
สรุปการคำนวณต้นทุนได้ตามตารางด้านล่างนี้เลยครับ
เคล็ดลับความอร่อย
เคล็ดลับที่ 1 หลังจากล้างสตอเบอร์รี่ และแกะใบออกแล้ว ให้นำทิชชู่มาซับน้ำออกให้แห้ง ต้องแห้งเลยนะครับ เพราะถ้าไม่แห้งสนิทน้ำตาลจะไม่เกาะสตอเบอร์รี่ครับ
เคล็ดลับที่ 2 ระหว่างต้มน้ำตาลไม่ควรเปิดไฟแรง เนื่องจากน้ำตาลจะไหม้ได้ และไม่ควรคนขณะต้ม เพราะจะทำให้น้ำตาลที่เคลือบ ขุ่น ไม่ใสแวววาวได้ แนะนำปล่อยให้น้ำตาลเดือดเองได้เลยครับ
เคล็ดลับที่ 3 สามารถใส่น้ำเชื่อมข้าวโพดลงไปได้ด้วยนะครับ ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเชื่อมข้าวโพดจะช่วยป้องกันน้ำตาลตกเป็นผลึกได้ครับ
เคล็ดลับที่ 4 หลังจากทำเมนูนี้เสร็จแล้ว หม้อที่ใช้ต้มน้ำตาลจะมีน้ำตาลแข็งตัวติดหม้อ วิธีล้างหม้อง่ายๆ แนะนำใส่น้ำเปล่าลงไปต้มอีกรอบ น้ำตาลก็จะละลาย เราก็จะล้างหม้อได้ง่ายมากๆ เลยล่ะครับ
ถังหูลู่ คืออะไร
ถังหูลู่ คือ ขนมหวานจากประเทศจีน ที่ทำจากผลไม้นำมาเสียบไม้เคลือบน้ำตาล รสชาติหวานอมเปรี้ยว กรุบกรอบ มีรสหวานจากน้ำตาลที่เคลือบ และรสเปรี้ยวหวานตามชนิดของผลไม้ที่อยู่ข้างใน
แต่เดิมจะใช้ผลซานจา หรือพุทราป่า 2 ลูก เสียบไม้ไผ่ โดยผลใหญ่อยู่ด้านล่าง และผลเล็กจะอยู่ด้านบนจึงมีรูปร่างที่คล้ายกับน้ำเต้า จึงเป็นที่มาของชื่อ ถังหูลู่ นั่นเองครับ
นอกจากนี้คำว่า “หูลู่” หรือน้ำเต้ายังพ้องเสียงกับคำว่า “ฮก ลก ซิ่ว” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ชาวจีนจึงเชื่อว่า ถังหูลู่จะนำความโชคดี มั่งคั่ง ร่ำรวยมาให้ นับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาวจีนเลยก็ว่าได้ครับ
ถังหูลู่ ในภาษาอื่นๆ
ถังหูลู่ (Tanghulu) ในภาษาไทยเรียกว่า ผลไม้เคลือบน้ำตาล หรือบ้างก็เรียกว่า ผลไม้เคลือบแก้ว ซึ่งในปัจจุบันผลไม้ที่นิยมใช้มากที่สุดจะเป็น สตอเบอร์รี่เคลือบน้ำตาล (Candied Strawberries)
ถังหูลู่ ภาษาจีน เขียนว่า “糖葫芦” (tánghúlu) อ่านว่า ถัง-หู-ลู่ โดยคำว่า “糖” ถัง แปลว่า น้ำตาล (Sugar) ส่วนคำว่า “葫芦” หู-ลู่ แปลว่า น้ำเต้า (Calabash)
และเมนูนี้ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Candied fruit
สรุป
• ถังหูลู่ ขนมหวานยอดฮิต และยังเชื่อกันว่าเป็นขนมมงคลอีกด้วย หน้าตาน่ากิน รสชาติก็อร่อย
• เพื่อไม่ให้น้ำตาลตกผลึก แนะนำใส่น้ำเชื่อมข้าวโพดลงไป 1 ช้อนโต๊ะ จะป้องกันการตกผลึกได้ครับ
• เดิมทีจะใช้เป็นผลพุทราป่ามาเสียบไม้ แต่ในปัจจุบันผลไม้ที่นิยมนำมาทำเมนูถังหูลู่มากที่สุด คือ สตอเบอร์รี่เคลือบน้ำตาล และเป็นขนมหวานยอดนิยมในหลายประเทศอีกด้วยทั้ง ไทย เกาหลี และญี่ปุ่น
• สามารถใช้ผลไม้ชนิดอื่นได้เช่นกัน แนะนำควรเลือกผลไม้ที่โดนความร้อนแล้วไม่อ่อนตัวนะครับ เช่น องุ่น แอปเปิ้ล กีวี่ ส้ม เชอร์รี่ เป็นต้น กรุบกรอบ อร่อยไม่แพ้กันเลย
สามารถอ่านบทความอาหารเกาหลีเพิ่มเติม ทั้งวิธีทำ เคล็ดลับ และสาระน่ารู้ต่างๆ ได้ที่นี่เลยครับ
Chef OJ
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทำอาหาร ประสบการณ์การเป็นเชฟมืออาชีพมากกว่า 10 ปีในประเทศออสเตรเลีย Chef | Recipes | Cooking